วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เคล็ดลับ – ล้างปลาไม่ให้คาว

สำหรับใครหลายคนที่ยังไม่รู้จักกับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว ล่ะก็วันนี้ได้เฮแล้วนะค่ะเพราะด้วย เคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว นี้นอกจากจะช่วยดับกลิ่นคาวของปลาอันไม่พรึงประสงค์แล้ววิธีล้างปลาไม่ให้คาวยังช่วยให้การล้างปลาของคุณสะอาดมากยิ่งขึ้นอีกด้วยซึ่งจะลดปัญหาของเมือกปลาที่ไหลย้อยและลดการลื่นของเมือกปลาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวค่ะ นั้นไม่รอช้ามาฟังเคล็ดลับ วิธีล้างปลาไม่ให้คาว กันเลยดีกว่าค่ะ

วิธีล้างปลาไม่ให้คาว
  •  ล้างน้ำสะอาดแบบธรรมดาก่อน 1 รอบ
  •  เอาเงือกปลาออกและขัดในท้องปลาให้สะอาดจากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้งให้สะอาด
  •  ขั้นตอนสุดนำแป้งมัน 1 ช้อนชา ลูบไล้ให้ทั่วตัวปลาทั้งหมด พักไว้ 1 นาที แล้วล้างน้ำสะอาดออก
ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ปลาไม่คาวและลดเมือกของปลาไปได้เยอะเลยค่ะ

ประโยชน์ของ “โยเกิร์ต” ที่คุณควรทาน

  1. คนที่ท้องเสียเนื่องจากมีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ในลำไส้ แต่เชื้อจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตนั้นเกิดมาเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดเลวทั้งหลายนี้ ดังนั้นการกินโยเกิร์ตจึงทำให้อาการท้องเสียของคุณทุเลาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ถ่ายน้อยลงหรือหยุดถ่าย
  2. โยเกิร์ตมีไขมันชื่อคอนจูเกตเต็ดไลโนเลอิก สามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ
  3. โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1 ถ้วย มีสารอาหารถึง 11 ชนิด และแต่ละชนิดเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับร่างกายทั้งนั้น อย่างไอโอดีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 2 โปรตีน วิตามินบี 12 ทริปโทฟาน โพแทสเซียม โมลิปเดนัม สังกะสี และวิตามินบี 5 ฉะนั้น คนที่กินโยเกิร์ตเป็นประจำถึงได้อายุยืนแถมแข็งแรง
  4. ถึงแม้โยเกิร์ตจะทำมาจากนม แต่โยเกิร์ตให้โปรตีนและแคลเซียมสูงกว่านมธรรมดา เพราะลำไส้ของเราย่อยนมไม่ได้ แต่สำหรับโยเกิร์ตกลับทำได้ชิลๆ เพราะในโยเกิร์ตมีกรดแลกติกที่จะช่วยย่อยแคลเซียมให้เล็กลง ทำให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้
  5. จุลินทรีย์ทั่วไปอาจทำร้ายร่างกายแต่แลคโตบาสิลัสในโยเกิร์ตเป็นจุลินทรีย์ ชนิดดีที่ ร่างกายต้องการ มันจะไปหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อ “เฮลิโคแบคเตอร์ เอชไพโลไร” ที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะ ลดการอักเสบของลำไส้และไขข้อ แถมยังทำตัวเป็นนักปราบปรามจุลินทรีย์ที่จะทำให้คุณเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วงที่มีรอบเดือนผู้หญิงจึงควรทานโยเกิร์ตเป็นประจำ
  6. แคลเซียมสูงที่ได้จากโยเกิร์ตจะทำให้เป็นสาวกระดูกเหล็ก ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน ความดันสูง มะเร็งลำไส้ และยังกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้คุณผอมเองโดยไม่ต้องเหนื่อย
  7. ทำให้ปากสะอาด กำราบกลิ่นปากและโรคเหงือก
  8. เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เพราะแบคทีเรียในโยเกิร์ตทำให้ร่างกายสังเคราะห์วิตามินเคและบีในลำไส้ได้ดีขึ้น

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

** 7 งานบ้านทำเพลินเบิร์นแคลอรี่

 1. กวาดบ้าน/ถูบ้าน
          การกวาดและถูบ้านรวมถึงการดูดฝุ่น (สำหรับคุณพ่อบ้านแม่บ้านสมัยใหม่) เป็นการเคลื่อนไหวออกกำลังกายทั้งท่อนบนและท่อนล่าง หากคุณใช้เวลาดูดฝุ่นหรือกวาดทุกซอกทุกมุมในบ้านสักครึ่งชั่วโมง คุณสามารถเบิร์นพลังงานได้ราว 376-752 แคลอรี่เลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว น้ำหนักของเครื่องดูดฝุ่น และการออกแรงของคุณ หลังจากกวาดกำจัดฝุ่นผงเสร็จไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว ขั้นต่อมาก็คือการถูพื้น ยิ่งถ้าคุณถูด้วยมือโดยการคุกเข่าลงไปถู แม้จะดูเก้ ๆ กัง ๆ ไปสักนิดแต่วิธีนี้จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีเชียวค่ะ โดยการถูบ้านครึ่งชั่วโมงจะใช้พลังงานราว 111-222 แคลอรี่เลยทีเดียว

 2. ล้างจาน
          งานเก็บกวาดจานชามมาล้างให้สะอาดช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้เช่นกัน แม้จะไม่มีการขยับเคลื่อนไหวของร่างกายมากมายนัก แต่อย่างน้อยมันก็ใช้พลังงานราว 63 แคลอรี่ต่อครึ่งชั่วโมง และอาจเพิ่มขึ้นได้อีกเท่าตัวเป็น 126 แคลอรี่ หากคุณหยิบจานที่สกปรกมาก ๆ มาล้างซ้ำอีกครั้ง หรือต้องออกแรงในการล้างมากกว่าปกติ อย่างการล้างกระทะหรือขัดหม้อค่ะ

 3. ซักผ้า
          แม้การซักผ้าเดี๋ยวนี้จะเปลี่ยนรูปแบบจากการซักมือไปเป็นซักด้วยเครื่องซักผ้าที่แสนสะดวกสบาย แต่อย่างน้อยขั้นตอนในการแยกเสื้อผ้า กลับผ้าก่อนซัก รวมถึงการคลี่สะบัดและตากผ้า ก็ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานได้สัก 75-100 แคลอรี่แล้วล่ะ
 4. เช็ดหน้าต่าง/เช็ดกระจก
          หน้าต่างเป็นหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่บ้านไหน ๆ ก็ต้องมี บางบ้านที่เป็นหน้าต่างโปร่ง ๆ อันเป็นทางผ่านของลมยิ่งต้องเช็ดให้สะอาด ลมจะได้ไม่หอบฝุ่นที่จับตัวอยู่เข้ามาในบ้าน ส่วนบ้านไหนเป็นหน้าต่างกระจกก็ต้องเช็ดขัดถูให้สะอาดใสเพื่อความสวยงาม ทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงที่คุณเช็ดหน้าต่างนี้สามารถเบิร์นพลังงานได้ 150 แคลอรี่ ยิ่งในกรณีที่ต้องมีการปีนป่ายหรือต่อเก้าอี้เพื่อเช็ด ก็จะยิ่งต้องการพลังงานมากขึ้น และหากบ้านใครหลังใหญ่ ๆ มีหน้าต่างเยอะ ๆ ล่ะ ก็คุณคงต้องใช้เวลามากเกินครึ่งชั่วโมงในการทำความสะอาดมันแน่นอน

 5. จัดเตียง
          เตียงนอนผ้ามีผ้าปูตึงเปรี๊ยะ หมอนนุ่ม ๆ ฟู ๆ วางพร้อม ช่างเรียกร้องให้โถมกายลงไปนอนเสียจริง ๆ และวิธีการจัดเตรียมเตียงนอนให้น่านอนก็เป็นการออกกำลังกายได้ด้วย การที่คุณดึงผ้าปูเตียงทุกมุมให้ตึง พับผ้าห่ม ตบหมอน วางจัดเรียงให้พร้อม ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานไปได้คราวละ 70 แคลอรี่ในทุก ๆ วัน
 6. ตัดหญ้า
          สำหรับบ้านที่มีบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เมื่อคราวที่หญ้าเริ่มงอกยาวจนดูรกตาก็ได้เวลามาออกกำลังกายกันสักยก การตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้าที่คุณต้องออกแรงผลักและเข็นให้มันไปตัดหญ้าในพื้นที่ที่ต้องการสักครึ่งชั่วโมงก็ช่วยเผาผลาญพลังงานไปได้แล้วอย่างน้อย 135 แคลอรี่ และอาจพุ่งขึ้นอีกเท่าตัวได้เลยหากเครื่องตัดหญ้านั้นค่อนข้างหนัก หรือต้องกำจัดวัชพืชในพื้นที่ ๆ เข้าถึงยาก อย่าซอกเล็ก ๆ หรือพื้นที่ขรุขระ

 7. ล้างรถ
          พาหนะคันย่อมที่ช่วยพาเราไปไหนต่อไหนอย่างสะดวกสบาย แต่ถ้าใช้งานสมบุกสมบันไปหน่อย เจ้ารถคันเก่งก็ฝุ่นเขรอะขมุกขมัวได้ จึงต้องอาบน้ำให้มันสักหน่อย การล้างรถสักครึ่งชั่วโมงต้องการพลังงานอย่างน้อย 150 แคลอรี่ และจะยิ่งมากกว่านี้หากคุณอยากจะเสริมหล่อด้วยการขัดแว็กซ์ให้มันปลาบไปทั้งคัน

          เห็นไหมคะ ไม่ต้องไปถึงฟิตเนสก็สามารถออกกำลังกายได้เช่นกัน เริ่มจากหยิบจับทำงานบ้านของเรานี่เอง ได้ทั้งบ้านสะอาด ๆ และหุ่นสวย ๆ ไปพร้อมกันด้วยล่ะ :D

วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

** ข้อมูลเยอะ ไร้ระเบียบ ทำให้ลืมง่าย


บ่อยครั้งที่เราจำชื่อคนไม่ได้ จำเบอร์โทรศัพทร์ผิด  นักวิทยาศาสตร์บอกว่าปัญหาคือเรามีข้อมูลมากเกินไปและไม่เป็นระเบียบ สมองจึงต้องการความปลอดโปร่ง                    ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าความสามารถในการจดจำที่ลดลงสอดคล้องกับอายุ ไม่ใช่เพราะพื้นที่หน่วยความจำน้อยลงแต่เพราะสมองชะลอการทำงานลง ควรโทษการใช้งานสมองในการค้นหาข้อมูลที่ยากและมากมันจึงหยุดข้อมูลไม่สัมพันธ์กันและรบกวนการทำงานขณะนั้น    การศึกษาขั้นแรกโดยเปรียบเทียบการทำงานระหว่างความจำของหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ  การทำงานของความจำนั้นเกี่ยวพันธ์ข้อมูลที่อยู่ในจิตใจ
        จากการศึกษากลุ่มทดลองโดยให้ประโยคข้อความหนึ่งและถามความรู้สึกที่มีต่อประโยคนั้น ต่อจากนั้นให้จดจำคำสุดท้ายของประโยคไว้   ผลปรากฎว่าหนุ่มสาวที่มีอายุประมาณ 23 ปี จะทำได้ดีที่สุด รายงานโดยวารสารผู้ชำนาญการด้านจิตวิทยา  นักวิจัยชาวแคนนาดาได้ทดสอบครั้งที่สองเพื่อชี้ให้เห็นว่าอุปสรรค์ของกลุ่มทดลองที่อายุมากที่มีอายุเฉลี่ย 67 ปี
        โดยแสดงภาพสัตว์ให้ดู 8 ภาพและให้จำลำดับภาพ ต่อจากนั้นให้ผู้ทดลองดูภาพ 12 ภาพในคอมพิวเตอร์และให้คลิกเม้าส์เมื่อเห็นภาพแรกใน 8 ภาพที่ให้จำก่อนหน้านี้ และทำอย่างนี้จนครบจำนวน 8 ภาพ พบว่ามันเป็นสิ่งที่ยากสำหรับผู้สูงอายุ  มาวิน แบลร์ จากมหาวิทยาลัยคอนคอร์เดีย กล่าวว่า พวกเราพบว่าผู้มีอายุมากจะมีความยากลำบากในการขจัดข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ การมีข้อมูลในสมองมากเกินไปทำให้ทำเกิดปัญหาในการทำงานของความจำ   นายแบลร์กล่าวว่าสมองผูสูงอายุมีปัญหากับการขจัดข้อมูลที่ไม่สัมพันธ์กันออกไป ทำให้ยากที่จะเพ่งความสนใจในสิ่งที่ทำขณะนั้นได้
       สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านความจำ เขาแนะนำให้พักผ่อนและนอนหลับให้เพียงพอ  การรักษาจิตใจให้เป็นหนุ่มสาว โดยการเรียนภาษาหรือดนตรีสามารถช่วยได้  แบลร์กล่าวเพิ่มเติมว่าวัยหนุ่มสาวก็อาจมีปัญหากับความจำได้เกิดจากการขัดขว้างของข้อมูลภายนอก การนอนไม่หลับทำให้ยากสำหรับการทำงานที่เหมาะสมของสมอง

        การวิจัยก่อนหน้าที่พบว่าส่วนของสมองที่ทำให้เกิดความรู้สึกละอายจะเสื่อมลงตามอายุอีกด้วย และนั้นทำให้คนเราสูญเสียความยั้บยั้งชั่งใจ
ทำอย่างไรให้จำดี
1.เข้านอนแต่หัวค่ำ
2.นั่งสมาธิหรือเล่นโยคะเพื่อให้จิตใจสงบ
3.เรียนภาษาหรือดนตรีเพื่อรักษาจิตใจให้เยาว์วัย
4.เล่นครอสเวิร์ดหรือปริศนาอักษรไขว้เพื่อกระตุ้นสมอง
5.ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพกายและใจที่ดี
6.การเข้าสังคมจะช่วยลับสมองให้เฉียบคม

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

** สัญญานเตือนภัย


สุขภาพร่างกายเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หากไม่หมั่นสังเกตหรือดูแล ปัญหาเล็ก ๆ อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ หรืออาจสายเกินเยียวยาได้ วันนี้เราเลยชวนเพื่อน ๆ มาสำรวจร่างกายตัวเองเพื่อหาสัญญาณอันตรายของโรคร้าย ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากผิดปกติเล็ก ๆ และนึกไม่ถึง
ใต้ตาดำคล้ำ 
        เชื่อแน่ว่า สาเหตุแรกที่หลายคนนึกถึงคือ นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะไหนจะต้องดูแลทั้งลูก สามี หรือรับผิดชอบงานประจำที่ต้องจัดสรรให้ลงตัว แต่ผลวิจัยจาก Sydney’s Nature Care Collage ยืนยันว่า นั่นเป็นแค่สาเหตุส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะบางทีใต้ตาดำคล้ำอาจเกิดจากไตกรองของเสียทำงานบกพร่องจนทำให้ใต้ตาดำ คล้ำได้เช่นกัน
เมื่อยตึงที่น่องและข้อพับเท้า
         สาเหตุที่พบบ่อย ๆ นอกจากจะเกิดจากการยืนนานๆ หรือเดินมากแล้ว เป็นไปได้ว่า กำลังถูกโรคข้อเข่าเสื่อมเล่นงานเข้าแล้ว โดยจะมีอาการร่วมพื้นฐานคือ มีเสียงดังในเวลาขยับข้อเท้า หรือเข่าขดรูปร่างผิดปกติ โดยเฉพาะถ้าคุณอายุเฉียด 40 หรือมากกว่า 40 ไปแล้ว ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ด่วน

ปัสสาวะผิดปกติ

         ถ้าคุณแม่ลุกเข้าห้องน้ำปัสสาวะถี่ผิดปกติ หรือสังเกตว่ามีมดขึ้น ร่วมกับอาการหิวบ่อย คันตามตัว แผลหายยาก และมีโอกาสเสี่ยงเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมโรคเบาหวานคนใหม่ แต่ถ้าปัสสาวะขัดๆ หรือเป็นเลือดจงรีบไปหาหมอ เพราะไตหรือกระเพาะปัสสาวะของคุณกำลังมี

ผิวซีดเซียว ฟกช้ำง่าย

         อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายของคุณกำลังขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างเม็ดเลือด แต่ก็มีอาการเสี่ยงของโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งในเม็ดเลือดหรือลูคีเมียได้เล่นกัน ซึ่งอย่างหลังนี้มักเกิดกับอาการเหนื่อยง่ายเลือดออกทางผิวหนังง่าย โดยไม่ทราบสาเหตุ
ฝ่าเท้าซีดเหลือง 
        แพทย์แผนจีนเชื่อว่า คนที่ฝ่าเท้าซีดเหลืองนั้นร่างกายไม่แข็งแรง มีความผิดปกติเกี่ยวกับเลือดหรือการทำงานของตับไม่สมดุล ส่วนการแพทย์แผนปัจจุบันสันนิษฐานว่า อาจมีภาวะโลหิตจางหรือพาหะทาลัสซีเมีย มีอาการโลหิตจางเล็กน้อยผิดปกติ

เล็บเปราะบางและผิดปกติ

        เกิดจากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ แต่ความผิดปกติของเล็บบางอย่างก็เกิดจากความผิดปกติของอวัยวะสำคัญได้ เช่น ถ้ามีเล็บสีขาวเกินกว่าครึ่งอาจมีอาการผิดปกติของตับและไต หรือเล็บที่ยกตัวออกมาจนไม่ติดกับผิวหนังใต้เล็บ อาจบ่งบอกว่า คุณกำลังป่วยเป็นโรคปอด

          อาการเหล่านี้แม้จะเป็นอาการเล็กน้อยที่พบได้บ่อย ๆ แต่หากคุณพบว่า มีความรุนแรงและเกิดขึ้นบ่อย ๆ ควรรีบพบแพทย์ทันที เพราะคำว่า "ไม่เป็นไร" ใช้ไม่ได้กับเรื่องสุขภาพ

วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

** ความแตกต่างระหว่างสาว 15 กับสาว 30

    
     อายุ 15 : เวลามีปัญหากับใครตบก่อน  ถามทีหลัง

     อายุ 30 : ประโยคยอดนิยม "ช่างมันเถอะ  ไม่เป็นไรค่ะ"

     อายุ 15 : สาวกแมคโดนัล

     อายุ 30  : สลัดผักตลอดกาล (ก็กลัวอ้วนนิค่ะ)

     อายุ 15 : ฟังเพลงวัยรุ่น

     อายุ 30 : ฟังเพลงเบาสบาย  หรือลูกทุ่งเท่านั้น

     อายุ 15 : ฝันว่าซักวันจะเจอหนุ่มหล่อ มีอายุนิดๆ นิสัยดีๆ

     อายุ 30 : ขอแค่เป็นผู้ชายก็แล้ว

     อายุ 15 : หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมีแค่แป้งฝุ่น  ลิปมัน

     อายุ 30 : ซื้อตู้เย็นมาอีก1 ตู้มาไว้ห้องนอน  เพื่อแช่เครื่องสำอางสารพัดยี่ห้อ

    
     อายุ 15 : กลัวสิว

     อายุ 30 : กลัวฝ้า

     อายุ 15  : ซ่าไม่กลัวตาย

     อายุ 30 : ตระเวนทำบุญเพราะกลัวตาย

     อายุ 15  : เห็นเพื่อนสำคัญกว่าพ่อแม่

     อายุ 30 : เห็นพ่อแม่สำคัญกว่าเพื่อน
     อายุ 15 : รอบเอว 24

     อายุ 30 : รอบเอว .....  (ไม่อยากจะบรรยาย)

     อายุ 15 : ไม่มีหนี้

     อายุ 30 : กู้ทุกอย่างยกเว้นกับระเบิด (เผลอๆเป็นหนี้หัวบานเพราะผัวข้างตัว 5 55’)